ประกาศเรื่องการรับบริจาคปัจจัย
ตามเจตนารมย์เดิมของ หลวงพ่อเทียน จิตตฺสุโภ ให้ญาติโยมที่ต้องการบริจาคถวายปัจจัยเพื่อบำรุงวัด และพระสงฆ์ผู้รับถวาย กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ของสำนักงานวัดสนามในเพื่อออกใบอนุโมทนาบัตรทุกครั้ง
เตือนสติ
วัดสนามใน ปัจจัยทุกบาททุกสตางค์ ต้องเก็บใช้ให้เป็นประโยชน์ ก็ได้มาจากบิณฑบาตแล้วรวบรวมไว้ได้จากพระ เณร องค์ใดก็ทำบัญชีชื่อเอาไว้ ได้มาจากสังฆทานก็เช่นกัน ทำบัญชีเข้าเป็นกองกลาง อยากให้พวกเราเก็ไว้ให้เป็นเงินกลางสงฆ์ ผมไปอยู่ที่ไนผมก็ทำอย่างนี้
ถ้าพวกเรามัวไปติดไปห่วงเรื่องเงินเรื่องทอง ก็เป็นกังวล ไม่มีโอกาสได้รู้ธรรมะ ให้ถือว่าของเราก็คือของเพื่อน ของเพื่อนก็คือของเรา เราต้องสามัคคีกัน เพราะเราจะอยู่ด้วยกันถึงสามเดือนถึงปีหนึ่งหรือสามปีนั้น จะมาทำวันสองวันมันก็ไม่รู้อะไร จะเป็นการมากิตข้าวชาวบ้านเฉยๆ เท่านั้นมันไม่ดี อันวิธีพูดนั้นมันไม่สำคัญ บางทีพูดเก่งพูดคล่อง แต่ไม่รู้ความจริง การพูดเรื่องสร้างจังหวะดูจิตดูใจนั้น ใครๆ ก็พูดได้ พราะที่เข้ามาวัดสนามในเพียง 2-3 วัน ก็ยังเบิกเงินไม่ได้ ยังไม่มีการเบิกจ่าย บอกตรงๆ ว่าก่อนจะเบิกจ่ายต้องมีเหตุผลสมควร เงินทองนั้นเมื่อได้มากพอสมควร ก็รวมไว้พิมพ์หนังสือแจกจ่ายให้เขาอ่านกัน เพื่อผู้ที่ไม่เคยรู้จักก็จะได้รู้จัก ม่เคยอ่านก็จะได้อ่าน สำหรับพระ เณร ที่มาอยู่ที่นี้ก็รับไว้ในฐานะพระอาคันตุกะเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นพระเก่า หรือพระใหม่ก็ตามและผมจะคอยดูว่าองค์ใดสมควรรับหน้าที่อะไร องค์ไหนไม่พร้อมที่รับได้ก็ปล่อยออกไปก่อน เพราะผมต้องการคนจริงว่าอย่างนั้นเถอะ ให้ปฏิบัติจริงๆ รู้แล้วจะได้ช่วยกันไปเผยแพร่ คนเรามันต้องมีความจริงใจ รู้ด้วยตัวเองจริงๆ ถ้าไม่รู้จริง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เคยมีคำเขาพูดไว้ว่า “ดีแต่ปากว่าวอนสอนเขาอื่น มีดาษดื่นเหลือรับนับไม่ไหว รู้สึกตัวสอนตัวบ้างเป็นไร สอนตัวเองไม่ได้ใครจะชม” คนที่มาหาเรียนทางโลกนั้นไม่ได้ถ้าจะอยู่ที่นี้ต้องงดเว้น เพราะอยากให้เป็นสำนักปฏิบัติล้วนๆ วัดที่เรียนปริยัตินั้นมีมากแล้ว ถ้ามีใครสนใจศึกษาทางโลก ก็ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ พระก็เหมือนกันนะครับ ไม่ใช่เป็นการไล่ แต่ให้เลือกดูว่าจะเอาทางใด เพราะวัดสนามในเรานี้ค่อนข้ากำลังเป็นไปในรูปนั้น
ถ้าพวกเรามัวไปติดไปห่วงเรื่องเงินเรื่องทอง ก็เป็นกังวล ไม่มีโอกาสได้รู้ธรรมะ ให้ถือว่าของเราก็คือของเพื่อน ของเพื่อนก็คือของเรา เราต้องสามัคคีกัน เพราะเราจะอยู่ด้วยกันถึงสามเดือนถึงปีหนึ่งหรือสามปีนั้น จะมาทำวันสองวันมันก็ไม่รู้อะไร จะเป็นการมากิตข้าวชาวบ้านเฉยๆ เท่านั้นมันไม่ดี อันวิธีพูดนั้นมันไม่สำคัญ บางทีพูดเก่งพูดคล่อง แต่ไม่รู้ความจริง การพูดเรื่องสร้างจังหวะดูจิตดูใจนั้น ใครๆ ก็พูดได้ พราะที่เข้ามาวัดสนามในเพียง 2-3 วัน ก็ยังเบิกเงินไม่ได้ ยังไม่มีการเบิกจ่าย บอกตรงๆ ว่าก่อนจะเบิกจ่ายต้องมีเหตุผลสมควร เงินทองนั้นเมื่อได้มากพอสมควร ก็รวมไว้พิมพ์หนังสือแจกจ่ายให้เขาอ่านกัน เพื่อผู้ที่ไม่เคยรู้จักก็จะได้รู้จัก ม่เคยอ่านก็จะได้อ่าน สำหรับพระ เณร ที่มาอยู่ที่นี้ก็รับไว้ในฐานะพระอาคันตุกะเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นพระเก่า หรือพระใหม่ก็ตามและผมจะคอยดูว่าองค์ใดสมควรรับหน้าที่อะไร องค์ไหนไม่พร้อมที่รับได้ก็ปล่อยออกไปก่อน เพราะผมต้องการคนจริงว่าอย่างนั้นเถอะ ให้ปฏิบัติจริงๆ รู้แล้วจะได้ช่วยกันไปเผยแพร่ คนเรามันต้องมีความจริงใจ รู้ด้วยตัวเองจริงๆ ถ้าไม่รู้จริง มันก็ไม่มีประโยชน์อะไร เคยมีคำเขาพูดไว้ว่า “ดีแต่ปากว่าวอนสอนเขาอื่น มีดาษดื่นเหลือรับนับไม่ไหว รู้สึกตัวสอนตัวบ้างเป็นไร สอนตัวเองไม่ได้ใครจะชม” คนที่มาหาเรียนทางโลกนั้นไม่ได้ถ้าจะอยู่ที่นี้ต้องงดเว้น เพราะอยากให้เป็นสำนักปฏิบัติล้วนๆ วัดที่เรียนปริยัตินั้นมีมากแล้ว ถ้ามีใครสนใจศึกษาทางโลก ก็ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ พระก็เหมือนกันนะครับ ไม่ใช่เป็นการไล่ แต่ให้เลือกดูว่าจะเอาทางใด เพราะวัดสนามในเรานี้ค่อนข้ากำลังเป็นไปในรูปนั้น