ประวัติเจ้าอาวาส หลวงพ่อทอง อาภากโร





หลวงพ่อทอง อาภากโร

เกิดเมื่อวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๘๒ ที่ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

เป็นบุตรคนโตของนายน้อย และ นางแหล่ ดุหาฤคำ อาชีพทำนา มี่พี่น้อง ๔ คน

จบการศึกษาภาค บังคับชั้นประถมปีที่ ๔
- พ.ศ. ๒๕๐๕ บวชเป็นพระภิกษุตามประเพณีและหลังจากนั้นได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบนักธรรมชั้นเอก
- พ.ศ. ๒๕๑๐ มาพบและอยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ หลังจากที่เจริญสติ ได้ ๓๐ ได้รู้รูป-นาม และ ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องอีก ๙ วัน ก็รู้จักอาการ เกิด-ดับ ไม่สงสัยในเรื่องของชีวิตอีกต่อไป
- พ.ศ. ๒๕๒๘ เมื่อวัดสนามในได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นวัดที่มีพระสงฆ์แล้ว ที่ประชุมสงฆ์ซึ่งมีหลวงพ่อเทียนเป็นประธานได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อทองเป็น เจ้าอาวาส

หลังจากหลวงพ่อเทียนมรณภาพลง ได้ก่อตั้งมูลนิธิหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ(พันธ์ อินทผิว) โดย
มีหลวงพ่อทองเป็นประธานกรรมการจนถึง ปี พ.ศ. ๒๕๔๕



ท่านได้สอบเป็นพระธรรมทูตและได้ใบรับรองประกาศนียบัตร ตั้งแต่วันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๐ ปัจจุบัน หลวงพ่อทอง อาภากโร ได้เดินทางไปเผยแพร่ธรรมที่ต่างประเทศ อาทิเช่น อเมริกา,ฮ่องกง,ไต้หวัน, จีน ฯลฯ เป็นระยะเวลา ๑๐ ปีแล้ว จนถึงปัจจุบัน

ศึกษาธรรมะ กับธรรมชาติ


ศึกษาธรรมะ ศึกษากับธรรมชาติมันจริงๆ
มันก็ต้องรู้มาจากกฎของธรรมชาติมันจริงๆ
เพราะธรรมชาติมันสอนให้เราจริงๆ เป็นอย่างนั้น


ตาจึงเป็นหน้าที่ของมองให้เห็น
หูจึงเป็นหน้าที่ของฟัง
จมูกจึงเป็นหน้าที่ของดม
กายเราเป็นหน้าที่ที่สัมผัส เย็น ร้อน อ่อน แข็ง
ลิ้นนี่ กินอาหารเข้าไปเป็นหน้าที่ที่จะรู้รส
จิตใจของเราเรียกว่าธรรมารมณ์เกิดขึ้นกับใจ
คำว่าธรรมารมณ์เกิดขึ้น ก็คือ หมายถึง
จิตใจเราปรากฏ พลิกแพลง เราต้องเห็นต้องรู้


เมื่อเรารู้จักหน้าที่ของคน
เราต้องศึกษาความเป็นคน
เนี่ยะ…ความเป็นมนุษย์
เรื่องเทวดา เรื่องพระอินทร์ พระ-พรหม
แล้วก็ไม่ต้องศึกษาก็ได้ มันเป็นอย่างนั้น
แต่เมื่อศึกษาความเป็นมนุษย์ได้แล้ว
มันจะไหลไป เข้าไปสู่ความเป็นพระอริยบุคคล
ไม่ว่ายุคนั้น ยุคนี้ ไปเหมือนเดิม


ดังนั้น การศึกษาธรรมะจึงไม่ยาก
ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ใดทั้งสิ้น
ขึ้นอยู่กับตัวคน อยู่ที่ไหนก็ทำได้…


หลวงพ่อเทียน (คัดจากแถบบันทึกเสียง รหัส ท.119ม.)